วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เรื่องเล่าจาก Forward mail ...

ครูถามนักเรียนว่า “อะไรคือมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลก”คำตอบมีต่างกันบ้าง แต่นักเรียนส่วนใหญ่ก็เลือกคำตอบดังนี้
( A group of students were asked to list what they thought were the present "Seven Wonders of the World." Though there were some disagreements,the following received the most votes:)

1. Egypt's Great Pyramids ปิรามิดแห่งอียิปต์

2. Taj Mahal ทัช มาฮาล

3. Grand Canyon ยอดเขาแกรนด์แคนย่อน

4. Panama Canal คลองปานามา

5. Empire State Building ตึกเอ็มไพร์สเตท

6. St. Peter's Basilica บาซิลิก้าแห่งวิหารเซนต์ปีเตอร์

7. China's Great Wall กำแพงเมืองจีน

ระหว่างที่รวบรวมคำตอบ ครูผู้สอนสังเกตเห็นว่า มีนักเรียนที่ยังเขียนไม่เสร็จอยู่คนหนึ่ง
(While gathering the votes, the teacher noted that one student had not finished her paper yet.)

ครูจึงถามเธอว่าเด็กหญิงเลือกไม่ถูกหรืออย่างไรเด็กหญิงตอบว่า “ค่ะ หนูไม่ทราบว่าจะเลือกอันใหนดี เพราะมันช่างมีมากมายเหลือเกิน”
(So she asked the girl if she was having trouble with her list. The girl replied, "Yes, a little. I couldn't quite make up my mind because there were so many.“)

ครูเอ่ยขึ้นว่า “งั้นหนูก็ลองบอกให้ฟังหน่อยสิจ้ะ เผื่อพวกเราจะช่วยได้”
(The teacher said, "Well, tell us what you have, and maybe we can help".)

เด็กหญิงรีรอสักครู่หนึ่ง ก่อนอ่านสิ่งที่ตนเขียน “หนูคิดว่า เจ็ดมหัศจรรย์ของโลก คือ..”
( "The girl hesitated, then read: "I think the 'Seven Wonders of the World' are:)

1. To See...การมองเห็น

2. To Hear...การได้ยิน

3. To Touch...การได้สัมผัส

4. To Taste...การได้รู้รส

5. To Feel...การได้รู้สึก

6. To Laugh...การได้ยิ้มหัวเราะ

7. And to Love….การได้รัก

ทั้งห้องอึ้งเงียบ เงียบมากขนาดได้ยินเสียงเข็มหล่นพื้นทีเดียวเรามองข้ามสิ่งเรียบง่ายและแสนธรรมดาไปโดยสิ้นเชิง
( The room was so quiet you could have heard a pin drop.The things we overlook as simple and ordinary and that we take for granted are truly wondrous!)

ขอย้ำอีกนิด :
(A gentle reminder :)

สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต มิอาจสร้างได้ด้วยมือหรือซื้อหาได้ด้วยเงินอย่ามัวแต่ยุ่งจนลืมส่งสิ่งนี้ให้ใครต่อใครนะจ้ะแล้วคุณจะได้พบกับสิ่งที่ดีดี
(That the most precious things in life cannot be built by hand or bought by money.Don't be too busy to pass this along.)
...

เป็นเรื่องที่มีคุณค่าน่าเผยแพร่ต่อจริงๆครับ ^^

ตลอดช่วงเวลาที่มนุษยชาติครองโลก ได้สร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และสิ่งก่อสร้างที่น่าจะนับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเอาไว้มากมาย จนคนยุคนี้จัดกันไม่หวาดไม่ไหว

มีทั้ง 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ยุคกลาง ยุคปัจจุบัน และล่าสุด ยุคใหม่ที่ใช้วิธีคัดสรรแหวกแนวไปจากเดิม โดยให้คนทั่วโลกโหวตกัน เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง (ประกาศผลเมื่อวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007) ก็ได้มาอีก 7 แห่ง คือ ชิเชนอิตซา, สนามกีฬาโคลอสเซียม, รูปปั้นพระเยซูคริสต์, มาชู ปิกชู, กำแพงเมืองจีน, ทัชมาฮาล และเปตรา

แต่ละแห่งล้วนยิ่งใหญ่อลังการสมกับตำแหน่งที่ได้รับ และมีคุณค่าในตัวของมันเองรวมทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมและค่านิยมของคนในยุคก่อน

แต่สิ่งที่น่าจะนับได้ว่ามหัศจรรย์ที่สุดนั้นก็คือ...มนุษย์

ทุกสิ่งที่มหัศจรรย์ล้วนรวมอยู่ในตัวมนุษย์ และมนุษย์นี่เองที่เป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ให้แก่โลกใบนี้

น่าเศร้าที่คนยุคนี้กลับถูกสิ่งมหัศจรรย์ทางวัตถุที่ตนคิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิต ย้อนกลับมามอมเมา จนลืมนึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน

... คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ทีวี เกมส์ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ศูนย์การค้า และอื่นๆ อีกมากมาย...

หลายๆคนหลงใหลยึดติดกับมัน จนลืมสนใจคนรอบข้าง ลืมนึกถึงคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
ลืมแก่นแท้ของสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆในโลกนี้ที่มนุษย์เราสร้างขึ้น และลืมแม้กระทั่งตัวตนของตัวเอง

เคยได้ยินมั้ย "จงเป็นนายของเงินทอง แต่อย่าให้เงินทองเป็นนายของเรา จงอย่าให้มันมาบงการชีวิตเรา"

เช่นกันกับทรัพย์สินทางวัตถุอื่นๆ จงเป็นนายของมัน แต่อย่าถูกมันมอมเมาจนเสียคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไป

ล่าสุด ก็มีข่าวไปแล้ว เด็กเล่นเกมส์ เลียนแบบพฤติกรรมจากเกมส์ จนกลายเป็นฆาตกร

ผมก็ไม่รู้นะว่า นั่นเป็นแค่ข้ออ้าง หรือเป็นอย่างนั้นจริงๆ

แต่ถ้าเด็กเลียนแบบจากเกมส์จริงๆ คงเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมากสำหรับสังคมไทย

จะโทษว่าระบบไหนล้มเหลวดีล่ะ เพราะมีส่วนร่วมรับผิดกันหมดล่ะ ครอบครัว โรงเรียน สังคม รัฐบาล องค์กรภาครัฐ

แต่เค้าก็ไปโทษที่ตัวเกมส์ และบริษัทผลิตเกมส์ ตรงจุดสุดๆ 55+

นี่ล่ะนะ ที่เค้าบอกว่าคนไทยยุคนี้ขาดภูมิคุ้มกัน ไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยี ใช้เป็นอย่างเดียวแต่ไม่ได้ใช้อย่างชาญฉลาด สุดท้ายก็ไปหลงไหลมัวเมากับมันจนถอนตัวไม่ขึ้น ละทิ้งจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์แล้วเอาตัวเองไปผูกติดกับเทคโนโลยีซะนั่น
(คงเป็นสิ่งที่โทลคีนพยายามจะสื่อในหนังสือ Lord of the ring สุดท้ายผู้ครอบครองแหวนก็จะถูกแหวนครอบงำกลืนกินจิตใจไป)

เพราะฉะนั้นถึงจะไปจัดการไม่ให้ผลิต/ขาย/เผยแพร่เกมส์ที่รุนแรง แต่ถ้าคนไทยยังขาดภูมิคุ้มกันต่อเทคโนโลยีต่อไป มันก็ยังมีสิ่งล่อใจใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆ ก็แก้ปัญหาต่อไปไม่จบสิ้น

ผมว่าครอบครัวกับโรงเรียนนี่ละสำคัญที่สุดที่จะปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ ให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี และรู้ว่าคนเราเกิดมาควรให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่ากัน

มาเข้าเรื่องสิ่งมหัศจรรย์ต่อดีกว่า

สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างมากในชีวิตคือ การที่วันนี้เราตื่นขึ้นมา แล้วได้มองเห็นภาพที่สวยงาม ได้รับฟังสิ่งดีๆ ได้โอบกอดคนที่เรารัก ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ มีความรู้สึกดีๆกับคนรอบข้าง รู้สึกสนุกและได้หัวเราะ และการมีความรัก รักพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนรัก สัตว์เลี้ยง และเพื่อนร่วมโลก

บางท่านอาจเถียงว่า ก็แน่ล่ะที่มันจะเป็นสิ่งอัศจรรย์ในชีวิต เพราะในชีวิตจริงก็ไม่ค่อยได้เจอสิ่งสวยงามอย่างนี้อยู่แล้ว 55+

แต่อยากบอกว่า เราเลือกที่จะเป็นได้ โดยเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน ทำสิ่งดีๆ มอบสิ่งดีๆ และเผยแพร่ความรู้สึกดีๆให้แก่คนรอบข้าง สุดท้ายสิ่งดีเหล่านี้จะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง

มีภาษิตฝรั่งอันหนึ่ง ที่อาจจะดูงงๆ แต่ก็โดนใจมาก

"You will get more than you give, when you give more than you get."

"คุณจะได้รับมากกว่าที่คุณให้ เมื่อคุณให้มากกว่าที่ได้รับ"

ดังนั้น เริ่มต้นมอบสิ่งดีๆ ให้คนรอบข้างกันเถอะ

เพียงแค่ยิ้มหรือพูดให้กำลังใจก็มีคุณค่ามากแล้วสำหรับคนที่กำลังเป็นทุกข์

วันนี้คุณบอกรักพ่อแม่ ได้โอบกอดพวกท่านบ้างหรือยัง

กับคนที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักกัน เรามาลองแบ่งปันน้ำใจให้กันซักนิดดีมั้ย

อย่างที่เด็กหญิงในเรื่องบอก

สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ในชีวิตของเธอ คือ การที่เธอได้เห็น ได้ฟัง ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส ได้รู้สึก ได้ยิ้มหัวเราะ และการได้รัก

บางครั้งเราอาจจะเห็นเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่า ไม่มีความสำคัญ หรือเป็นสิ่งที่แสนจะธรรมดา ไม่หวือหวาเหมือนเกมบู๊ล้างผลาญ

แต่อย่าลืมว่า...

...การได้มองเห็น ได้ยินสิ่งที่สวยงาม ทำให้มนุษย์เกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมชิ้นเอก ปฏิมากรรมที่งดงาม และเพลงอันไพเราะมากมาย

...ด้วยอานุภาพแห่งความรัก จึงทำให้เกิดทัชมาฮาล สุสานหินอ่อนที่งดงาม ที่สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่นางอันเป็นที่รัก

ผมว่า สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราให้ความสำคัญกับสิ่งมหัศจรรย์ภายในตัวของเราเอง

สุดท้ายนี้ ก็คาดหวังให้ทุกท่านที่บังเอิญหลงแวะมาเยี่ยมชมบทความชิ้นแรกของบล็อกนี้ ขอให้ได้สิ่งดีๆกลับไป

ต่อไปนี้ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ขอให้รู้สึกชื่นชมยินดีกับการได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 ที่เด็กน้อยในเรื่องนี้ช่วยเตือนสติให้ได้เห็นถึงคุณค่าของชีวิตที่แท้จริง

เนื่องจาก เทคโนโลยีในโลกนี้ ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อสนองตอบต่อความต้องการของมนุษย์
ฉะนั้นจงใช้มันอย่างชาญฉลาด (เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตตามอัตภาพ) แต่อย่าให้มันมาบงการคุณให้เสียความเป็นตัวตนและความเป็นมนุษย์ไป

ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: