วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

โปรแกรมกำจัดไวรัสพกพาได้ Clamwin Antivirus

เคยมั้ยเวลาที่ต้องไปใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะอย่างตามศูนย์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่ทำงาน ร้านคอมพิวเตอร์ หรือไปยืมใช้ของเพื่อน แล้วปรากฏว่าไม่มีการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสไว้เลย ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะมีไวรัสแฝงเร้นอยู่ในเครื่องคอมนั้นและมีโอกาสที่จะติดมาได้ ถ้าเพียงแต่เราเอาแฮนดี้ไดร์ฟ (Handy drive) หรือแฟลชไดร์ฟ (USB Flash drive) ไปเสียบเครื่องคอมก็อาจจะติดไวรัสมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งตอนนี้ผมก็เจอปัญหาเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ขนาดศูนย์คอมในมหาวิทยาลัยก็ยังไม่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสเอาไว้แล้วยังให้ลงโปรแกรมเองไม่ได้อีก อย่างนี้ไวรัสมันก็แพร่ระบาดไปทั่วสิครับ เดี๋ยวก็มีคนจิ้มทีนึง แล้วเอาไปจิ้มอีกเครื่อง มันก็ติดกันไปหมด กลายเป็นแหล่งสะสมไวรัสชั้นเยี่ยม ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตอย่างผมที่จำเป็นต้องอาศัยพึ่งพิงศูนย์คอมแห่งนี้จึงต้องปรับตัวตาม เลยลองไปค้นหาโปรแกรมที่สามารถพกพาใส่แฮนดี้ไดร์ฟได้ และสั่งให้มันทำงานจากในนั้นได้เลย ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมลงเครื่อง (แต่ก็สามารถก๊อปปี้ลงเครื่องคอมแล้วค่อยสั่งใช้งานก็ได้) โปรแกรมแนวนี้กำลังเป็นที่นิยมอยู่พอสมควร เรียกกันว่าเป็น Portable program ซึ่งผมไปเจอโปรแกรมกำจัดไวรัสตัวหนึ่งที่เป็นโปรแกรมฟรี มีทั้งแบบติดตั้งลงเครื่องได้ และไม่ต้องติดตั้ง ชื่อว่า Clamwin (แคลมวิน) แถมเป็น Opensource ด้วย นั่นคือถ้าใครมีความสามารถทางด้านภาษาคอมพิวเตอร์ก็สามารถจะนำไปพัฒนาต่อได้

นี่คือเว็บหลักอย่างเป็นทางการครับ
http://www.clamwin.com/

ถ้าหากต้องการ Clamwin ที่พกพาได้
ก็มีการอธิบายวิธีการทำที่นี่ http://www.clamwin.com/content/view/118/89/
หรือจะไปดาวน์โหลดได้ฟรีจาก http://portableapps.com/apps/utilities/clamwin_portable

โปรแกรม Clamwin นี้ตัวเล็กมากดาวน์โหลดมาตอนแรกแค่ 6 MB แต่ต้องดาวน์โหลดฐานข้อมูลไวรัสอีกซึ่งใช้เวลาไม่นาน เบ็ดเสร็จก็ใช้พื้นที่ประมาณ 25 MB ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่น 0.94 แล้ว จากเท่าที่ใช้มาก็ถือว่ามีประสิทธิภาพดีพอใช้ได้ แต่ข้อเสียคือต้องขอบอกว่ามันเป็นโปรแกรมกำจัดไวรัส แต่ไม่ได้ป้องกันไวรัสนะครับ เพราะว่าโปรแกรมนี้จะไม่สแกนไวรัสแบบอัตโนมัติ คือพอไวรัสเข้ามาโจมตีแฮนดี้ไดรฟเรา โปรแกรมจะไม่ได้ป้องกัน ไม่ตรวจจับให้ เราต้องมาสั่งสแกนด้วยตัวเอง Clamwin ถึงจะตรวจเจอไวรัสได้ ซึ่งถึงแม้ว่า Clamwin อาจจะมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่าโปรแกรมอื่นๆที่ติดตั้งลงคอมพิวเตอร์และสามารถตรวจจับไวรัสได้อัตโนมัติ แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังชอบโปรแกรมนี้อยู่เพราะอย่างน้อยก็ยังพออุ่นใจได้ว่า ในบางสถานการณ์เราก็ยังมีอาวุธใช้สู้กับไวรัสได้บ้าง เหมือนมีทหารเอกคู่ใจพกพาใส่ไว้ในแฟลชไดรฟไปไหนต่อไหนได้สะดวก

Clamwin จะเน้นการกำจัดไวรัสและสปายแวร์ (Spyware) และเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ก็มีความสามารถในการตรวจเจอพวกมัลแวร์ (Malware) ได้มากขึ้นด้วย แต่ก็เป็นธรรมดาของทุกสรรพสิ่งในโลกที่ไม่สมบูรณ์เพียบพร้อมไปทุกอย่าง เช่นกันกับโปรแกรมกำจัดไวรัสที่ไม่มีโปรแกรมไหนจะสามารถตรวจเจอและกำจัดไวรัสได้ทุกชนิดในโลก ผมก็พบว่า Clamwin ไม่สามารถกำจัดไวรัสบางตัวได้อย่างเช่น Sality ดังนั้นการระวังป้องกันด้วยตัวเองจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด (ดีกว่าหวังพึ่งโปรแกรมอย่างเดียว เพราะถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะติดไวรัสอยู่แล้ว ถึงเสียเงินซื้อโปรแกรมดีๆก็ป้องกันไวรัสได้ไม่หมด) เช่น ถ้าหากเห็นว่าคอมพิวเตอร์ที่ไหนไม่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสก็ควรจะหลีกเลี่ยงการเสียบแฮนดี้ไดรฟโดยไม่จำเป็น และไม่ควรเข้าเว็บไซต์หรือดาวน์โหลดอะไรที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจอย่างเช่นเว็บโป๊ หนังโป๊เพราะอาจได้ไวรัสแถมมาด้วย จะว่าไปแฮนดี้ไดร์ฟก็ทำให้เราสำส่อนกับคอมพิวเตอร์กันมากขึ้นนะ และเดี๋ยวนี้ก็มีไวรัสที่ติดต่อกันทางแฮนดี้ไดรฟกันมากขึ้นด้วย การติดต่อแพร่ระบาดก็เลยง่ายกันไปใหญ่ แค่เอาไปเสียบกับเครื่องคอมแปลกหน้าก็ติดไวรัสซะแล้ว เลยไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมโรคเอดส์อื่นๆถึงเป็นปัญหาใหญ่ในยุคสมัยนี้ เพราะการสำส่อนทางเพศนั่นเอง แค่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าก็มีโอกาสติดเชื้อมาแล้ว และกว่าจะแสดงอาการก็ใช้เวลานาน ยังไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อไปแล้ว ก็เอาไปติดคนอื่นได้อีกรวมทั้งเมียตัวเองด้วย ยังดีที่โรคพวกนี้พอจะป้องกันการติดต่อได้ด้วยการใส่ถุงยางอนามัย แต่เจ้าแฟลชไดร์ฟนี่สิ ไม่เห็นมีผู้ผลิตเจ้าไหนทำถุงยางออกมาขายมั่ง เลยติดกันไปทั่วมั่วไปหมด แต่ในวิกฤติก็ยังมีโอกาส คอมพิวเตอร์ติดไวรัสแล้วยังพอแก้ได้ ถึงแก้ไม่ได้ก็ล้างเครื่องลงโปรแกรมใหม่ เสียข้อมูลสำคัญไปบ้าง ไว้เป็นบทเรียนของการสำส่อนและไม่รู้จักป้องกันตัวเอง แต่ชีวิตคนถ้าได้ติดเชื้อเอดส์ไปแล้ว ถึงจะยังพอมีทางรักษาให้อายุยืนยาวขึ้นได้ แต่เชื้อยังคงอยู่ตราบจนวันตาย รอฉวยโอกาสโจมตีเมื่อร่างกายอ่อนแอ แถมมีเชื้อโรคอื่นมาติดแทรกซ้อนเข้าไปอีก มีแต่ทุกข์ทรมาน ดังนั้นก่อนจะไปจิ้มไปเสียบกับใครก็พึงระลึกไว้ว่ามันไม่เหมือนกับเอาแฟลชไดร์ฟไปเสียบคอมพิวเตอร์ ที่ถ้าเสียบคราวนี้ติดเอดส์มา ก็ต้องหาวิธีอยู่ร่วมกับมันไปจนตาย จะอยู่แบบทุกข์หรือสุขก็ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละคน แต่จะหาโอกาสแก้ตัวกำจัดเชื้อเอดส์ออกจากตัวคงทำได้ยาก (ไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ถึงจะติดไวรัสร้ายแรงขนาดไหน ก็ยังสามารถกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม)

สรุปข้อคิดประจำวันนี้ "คิดให้ดีก่อนเสียบ"
ไว้ตอนต่อไปจะเขียนเกี่ยวกับวิธีการใช้งานโปรแกรม Clamwin เท่าที่เคยมีประสบการณ์มานะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: