วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551

สอบปีสุดท้ายกับ Honor system

เมื่อวานเพิ่งสอบปลายภาควิชาสุดท้ายเสร็จ ซึ่งเทอมนี้ได้มีโอกาสสอบกันแบบระบบไว้เนื้อเชื่อใจถึง 2 วิชา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการสอบที่ผ่านๆมาในชีวิต แล้วมันเป็นยังไงเจ้าระบบไว้เนื้อเชื่อใจที่ว่าเนี่ย ภาษาอังกฤษเรียก Honor system แปลเป็นไทยแบบสวยหรูคือระบบเกียรติศักดิ์ การสอบแบบนี้ง่ายมาก อาจารย์ก็แค่เอาข้อสอบมาแจกให้นักศึกษาแต่ละคน จัดให้นั่งแยกๆกระจายกันไป ต่างคนต่างทำ แล้วอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งซองกระดาษสีน้ำตาลใส่ข้อสอบไว้ให้ดูต่างหน้า ใครทำเสร็จก็เอาข้อสอบมาใส่ เป็นอันเสร็จสิ้นการสอบ พอหมดเวลาอาจารย์ก็โผล่มาอีกทีมาเก็บข้อสอบกลับไป ง่ายๆแค่นี้เองแต่ให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ฟังดูอาจจะเวอร์ไปนิด แต่การที่มีคนไว้ใจเราขนาดนี้กลับรู้สึกดี ไม่เหมือนสมัยเป็นนักเรียนหรือเป็นนักศึกษาปีแรกๆที่อาจารย์เข้มงวดกับการสอบมาก กระดาษแค่เสี้ยวเดียวก็อาจจะทำให้สอบตกได้ พอหมดเวลาปั๊บก็มาดึงข้อสอบไปเลย แต่ความเข้มงวดมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่แต่ละคณะด้วยละนะ แต่อย่างน้อยก็คือต้องมีอาจารย์นั่งเฝ้า ซึ่งอาจารย์จะนั่งเม้าท์กัน อ่านหนังสือหรือทำอะไรก็สุดแท้แต่อาจารย์ แค่ให้มองเห็นความเคลื่อนไหวในห้องสอบไม่ให้มีใครโกงก็พอ ส่วนใหญ่คนสอบก็จะไม่ค่อยกล้าโกงหรือลอกกันหรอก (แต่ถ้ามีโอกาสก็จะทำ 55+ นั่นขึ้นอยู่กับนิสัยและประสบการณ์แต่ละคนด้วย) แต่พอได้มาสอบกันแบบผู้ใหญ่เป็น Honor system นี่สิ มีโอกาสโกงได้ตลอดเวลา คนสอบก็มีอยู่ไม่กี่คน ช่างยั่วยุกิเลศตัณหาให้อยากล้วงๆควักๆ...ตำราออกมาเปิดใจจะขาด ผมว่าถ้าร่วมมือกันทั้งห้องสอบนี่ลอกกันสบายเลย แต่ปรากฎว่าไม่มีใครทำอย่างนั้น (อดเลย 55+) ผมว่าสอบแบบนี้มันให้ความรู้สึกไปอีกแบบ คนสอบมักไม่ค่อยกล้าโกง (ถ้ามีจริยธรรมมากพอ) คือถ้าโกงกันก็จะรู้สึกผิดที่อาจารย์อุตส่าห์มอบความไว้วางใจ ให้เกียรติกันขนาดนี้ การลอกข้อสอบก็เท่ากับไม่เคารพในความไว้วางใจนั้น ถึงแม้อาจารย์จะไม่รู้ไม่เห็นการฉ้อโกงก็ตาม ที่สำคัญภาพเหตุการณ์ขณะสอบนั้นจะติดวนเวียนอยู่ในสมองไปจนตาย ถ้าหากสามารถสอบได้โดยไม่โกงกันเลยแม้แต่น้อย จะเกิดความภาคภูมิใจในตนเองและเกรดที่ได้มาโดยสุจริต แต่ถ้าทนกิเลศไม่ไหว พฤติกรรมที่ไม่สุจริตนั้นจะคอยย้ำเตือนให้รู้สึกผิดตลอดช่วงชีวิต เกรดที่ได้มาก็ไม่น่าภาคภูมิใจ มันทำให้เห็นสัจธรรมชีวิตเลยว่าเกรดซึ่งเป็นของนอกกาย (รวมทั้งเงินทอง ยศศักดิ์ อำนาจ) เทียบไม่ได้เลยกับเกียรติและความซื่อสัตย์สุจริต แล้วไม่แน่ว่าคนที่ร่วมสอบอยู่ด้วยมาเห็นการกระทำนั้นก็อาจจะเกิดความรู้สึกในแง่ลบกับคนโกงขึ้น กลายเป็นว่าคนโกงในระบบเกียรติศักดิ์เลวยิ่งกว่าคนโกงในระบบทั่วไปซะอีก ความกลัวเกรงการทำผิดใน Honor System กับระบบการสอบธรรมดามันต่างกัน ในระบบการสอบธรรมดา เราไม่กล้าโกงเพราะกลัวถูกลงโทษตามกฏนั่นคือถูกปรับตกในวิชานั้นและอาจถูกพักการเรียนด้วย แต่ในระบบ Honor System มันเป็นระดับที่สูงกว่านั้นคือกลัวเกรงต่อจิตใจส่วนที่ดีของตน เกรงกลัวต่อบาป (หิริโอตตัปปะ) และบทลงโทษทางสังคม ดังนั้นการสอบในปีสุดท้ายนี้ นอกจากจะเป็นการสอบเพื่อวัดความรู้แล้ว ยังเป็นการทดสอบใจตัวเองด้วย ว่ามีคุณธรรมจริยธรรมเพียงพอที่จะจบเป็นบัณฑิตไปรับใช้ประชาชนหรือยัง โดยที่มีตัวเราเองนี่แหละเป็นผู้ตัดสินให้คะแนน จะว่าไปการสอบแบบไว้ใจกันอย่างนี้น่าจะปลูกฝังความซื่อสัตย์ให้เยาวชนได้ดีกว่าการพร่ำสอนกันปากเปียกปากแฉะหรือต้องมีคนคอยคุมคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาเหมือนที่บ้านเมืองเราเป็นอยู่ตอนนี้ เยาวชนจะได้เติบโตเป็นอนาคตของชาติ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีความซื่อสัตย์สุจริตในตัวเองไม่ต้องให้มีใครมาคอยตรวจสอบ ถึงอยู่ลับหลังก็หน้าบางไม่กล้าโกง ไม่เหมือนนักการเมืองไทย ที่มีองค์กรคอยตรวจสอบสารพัด มีประชาชนคอยจับตามองทั้งประเทศ แต่ก็ยังโกงทรัพย์สินของชาติกันหน้าตาเฉย จับได้แล้วว่าโกงก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนเด็กนักเรียนที่โดนจับได้ว่าแอบพกโพยเข้าห้องสอบก็ยังเถียงอาจารย์เอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมรับผิด ทำให้นึกถึงบทความของอาจารย์นิธิที่บอกว่าปฏิรูปการเมืองอย่างเดียวไม่ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมืองหรอก คงจะจริงเพราะที่สำคัญกว่านั้นคือการพัฒนาคุณภาพของคนต่างหาก ควรจะมีการปฏิรูปสังคม ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปวัฒนธรรมกันใหม่ได้แล้ว ประเทศชาติเราต้องการคนดี ซื่อสัตย์สุจริตทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชนและเป็นส่วนตัวคนเดียว ทั้งเมื่อมีกฏหมายบังคับและไม่มีกฏหมายบังคับ มิฉะนั้นก็จะยังคงมีนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจสายพันธุ์เดิมๆ หาช่องว่างของกฏหมาย ลักลอบบ่อนทำลายชาติกันต่อไป เหมือนนักเรียนหัวเกรียนที่แอบลอกข้อสอบตอนอาจารย์เผลอเหล่สาว ถึงจะมีอาจารย์คอยเฝ้ากี่คนมันก็ป้องกันการทุจริตได้ไม่ยั่งยืนหรอก

3 ความคิดเห็น:

yawaiam กล่าวว่า...

ขอขอบคุณที่ไปฝากความคิดเห็น

ชอบอ่านเรื่องออกแนวให้กำลังใจกัน

เพราะโลกปัจจุบันมีแต่ปัญหา

ทั้งเศรษฐกิจสังคมและการเมือง

มีแต่เรื่องเครียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง

เลยพยายามอ่านแต่เรื่องดี ๆ

ที่อ่านแล้วไม่เครียดหนักขึ้นไปอีก

วันหลังว่าง ๆ เชิญแวะไปอีกละกัน

ดีใจด้วยนะที่สอบเสร็จแล้ว

yawaiam กล่าวว่า...

ขอขอบคุณที่ไปฝากความคิดเห็น

ชอบอ่านเรื่องออกแนวให้กำลังใจกัน

เพราะโลกปัจจุบันมีแต่ปัญหา

ทั้งเศรษฐกิจสังคมและการเมือง

มีแต่เรื่องเครียดกันทั่วบ้านทั่วเมือง

เลยพยายามอ่านแต่เรื่องดี ๆ

ที่อ่านแล้วไม่เครียดหนักขึ้นไปอีก

วันหลังว่าง ๆ เชิญแวะไปอีกละกัน

ดีใจด้วยนะที่สอบเสร็จแล้ว

yawaiam กล่าวว่า...

ขอโทษทีนะ

คลิกครั้งเดียว

ทำไมขึ้นมาตั้ง 2 ครั้งก็ไม่รู้

ช่วยลบออก 1 ความคิดเห็นละกัน

อยากลบเองแต่ลบไม่เป็นน่ะ